สมัยเรียน เชื่อว่าหลายๆ คนคงได้รู้จักกับ Marketing Mix หรือที่เราเรียกกันว่า 4P ที่ประกอบด้วย Product, Price, Place และ Promotion ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่นักการตลาดนำมาใช้กับการวางแผนด้าน Marketing กันมาหลายทศวรรษ และถึงแม้ 4P รูปแบบดั้งเดิมนี้ยังคงมีคุณค่าและความสำคัญอยู่ไม่น้อย ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันโลกของมาร์เก็ตติ้งได้เปลี่ยนไปอย่างมากจากการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่เห็นอยู่รอบตัว การตลาดแบบ ลด แลก แจก แถม ที่เราคุ้นเคยนั้น ไม่เพียงพออีกต่อไป

วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ 4P Digital Marketing Mix แบบใหม่ ทันสมัยยุคออนไลน์ ซึ่งยก Privacy, Personalisation, Permission และ Performance เป็นสำคัญ คอนเซปต์ทางการตลาดนี้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้งของโลกยุคดิจิทัลที่เราอยู่ และต่อยอดจาก 4P แบบดั้งเดิมที่เรากันรู้จักกันอย่างดี สร้างความเชื่อมั่น ครองใจผู้บริโภค แต่ละ P จะหมายถึงอะไรบ้าง ตามมาอ่านได้เลยครับ

Privacy

Privacy laws and regulations have changed, marketers have to be careful when they collect data or plan new strategies.

ความเชื่อมั่นและความโปร่งใสถูกยกขึ้นเป็นลำดับต้นๆ ในใจผู้บริโภคยุคปัจจุบัน จากข่าวการรั่วของข้อมูลครั้งใหญ่หลายๆ รอบในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคยิ่งตระหนักถึงความสำคัญของความเป็นส่วนตัวของข้อมูลตนมากขึ้น แม้แต่ Apple ก็ได้ออกฟีเจอร์ App Tracking Transparency เพื่อตอบโจทย์ความกังวลเรื่องนี้ด้วย กฎหมายและการบังคับใช้เรื่องข้อมูลก็ต้องปรับเปลี่ยนตามไปทั่วกัน นักการตลาดจึงต้องระวังเป็นพิเศษหากต้องการเก็บข้อมูลเพื่อวางกลยุทธ์ในงานต่อไป 

Google ได้อัปเดต Chrome Browser เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทราบได้ว่ามีใครที่กำลังแทร็กความเคลื่อนไหวของเขาด้วย Cookie บ้าง อาจพูดได้ว่าสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า Cookie กำลังเข้าสู่ช่วงขาลงอย่างช้าๆ นักการตลาดจึงต้องรีบหาหนทางใหม่ในการรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งานอย่างมีจริยธรรมในอนาคตอันใกล้นี้

Personalization

The best way to make an impression and cut through all the noise is through the use of personalization.

เมื่อผู้บริโภคได้รับสารทางการตลาดอย่างล้นหลามมากมายในแต่ละวัน ส่วนใหญ่พวกเขาเลยหลุดโฟกัส และยากที่แบรนด์จะยืนเด่นในทะเลแห่งข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยท้าทาย หนึ่งในวิธีการสร้างความประทับจิตและตรึงใจผู้บริโภคคือการสื่อสารแบบ Personalised สารที่ถูกออกแบบมาเพื่อสอดรับกับพฤติกรรมและความสนใจของแต่ละบุคคลนั้นมีโอกาสมากกว่าในการสร้างความตระหนักรู้ และเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาว

Permission

Brands offering interactive experiences that are both engaging and entertaining have a higher chance to stick in the audience mind.

การจะหาสมดุลระหว่าง Privacy และ Personalisation ต้องใช้กลยุทธ์รวบรวมข้อมูลแบบมี Permission หลายๆ ครั้ง ข้อมูลที่ได้จากแหล่ง 3rd Party มักจะไม่สมบูรณ์ บางครั้งก็เชื่อถือไม่ได้ และยิ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีให้อีกด้วย เมื่อใดที่แบรนด์เรียกร้องความยินยอมขั้นสูง ผู้บริโภคก็จะคาดหวังที่จะได้รับข้อความทางการตลาดที่มีตอบโจทย์พฤติกรรมและความชอบของตนจากแบรนด์นั้น แบรนด์ที่มอบประสบการณ์ปฏิสัมพันธ์ที่ทั้งบันเทิงและดึงดูดใจมีโอกาสมากกว่าที่จะประทับใจผู้บริโภค แบบสอบถาม โพล ควิซ และสตอรี่บนแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นวิธีที่ทำให้นักการตลาดสามารถพัฒนาประสบการณ์โดยรวมของผู้ใช้ได้ โดยที่ยังคงสามารถเก็บข้อมูลการใช้งานและความชอบส่วนตัวของพวกเขาได้ 

Performance

Knowing how your campaigns perform and using that data to lead future marketing campaigns is the key to progress and revenue.

ความสามารถในการวัดผลคือสิ่งที่ทำให้นักการตลาดเก่งๆ โดดเด่นขึ้นมาได้ การที่รู้ว่าแคมเปญแต่ละแคมเปญมีผลเท่าไหร่ และสามารถใช้ข้อมูลที่ได้นั้นในการวางแผนแคมเปญต่อๆ ไป คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จและผลตอบแทนอย่างยั่งยืน มาตรวัดที่ให้อินไซต์ผู้บริโภคที่ต่อยอดได้ง่ายมีอิทธิพลอย่างมากในการตัดสินใจทางธุรกิจ นาย Judd Marcelo ผู้เขียนบทความนี้ กล่าวว่า Customer Lifetime Value (CLV), Net Promoter Score (NPS), และ Customer Repeat Rate คือมาตรวัด KPI ที่สำคัญที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน

คำถามที่พบบ่อย

App Tracking Transparency คืออะไร?

App Tracking Transparency คือฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 14.5 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอนุมัติการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ป้องกันการเก็บข้อมูลการใช้งานโดยไม่ผ่านการยินยอม โดยจากนี้แอปพลิเคชันต่าง ๆ จะแสดงแจ้งเตือนแบบ pop-up notification เพื่อให้เห็นว่าแแอปจะเก็บข้อมูลอะไรบ้าง และผู้พัฒนาจะนำข้อมูลนั้นไปใช้ทำอะไร

Permission-based Marketing คืออะไร?

Permission-based Marketing เป็นรูปแบบหนึ่งของการโฆษณาที่ผู้ชมเป้าหมายจะได้รับตัวเลือกในการรับข้อความส่งเสริมการขาย มักถูกมองว่าตรงกันข้ามกับ Direct Marketing ที่ส่งสื่อส่งเสริมการขายไปยังลูกค้าจำนวนมากโดยไม่ได้รับอนุญาต

Permission-based Marketing มีข้อดีอย่างไร?

Permission marketing มีอัตราการมีส่วนร่วมที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับรูปแบบเดิม ด้วยความที่ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณสนใจในสิ่งที่คุณนำเสนอ และเป็นที่รู้กันว่าผู้ชมที่มีส่วนร่วมกับแบรนด์มีโอกาสจะกลายเป็นลูกค้าที่จ่ายเงินซื้อสินค้าของแบรนด์ได้มากกว่า

Customer Lifetime Value วัดอย่างไร?

คุณต้องนำมูลค่าการซื้อเฉลี่ย (Average Purchase Value) มาคูณด้วยจำนวนการซื้อเฉลี่ย แล้วคุณจะได้มูลค่าของลูกค้า (Customer Value) จากนั้นคูณด้วยอายุขัยเฉลี่ยของลูกค้าเพื่อกำหนดมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า (Customer Lifetime Value)

Repeat Customer Rate วัดอย่างไร?

หารจำนวนลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ (Repeat Customers) ด้วยจำนวนลูกค้าทั้งหมด แล้วจะได้เป็นอัตราลูกค้าซ้ำ (Repeat Customer Rate) จากนั้นคูณด้วย 100 เพื่อแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งคำนวณได้โดยใช้กรอบเวลาต่างๆ เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน

Net Promoter Score วัดอย่างไร?

ดัชนีวัดความภักดีของลูกค้า โดยให้ระบุความพึงพอใจเป็นคะแนน โดยลูกค้าที่ให้คะแนน 0-6 คือ Detractor (ไม่พึงพอใจ), 7-8 คือ Passive (เฉย ๆ) และ 9-10 คือ Promoters (พอใจและจะบอกต่อ) คำนวณจากความแตกต่างระหว่างเปอร์เซ็นต์ของ Promoters และ Detractors ตัวอย่างเช่น หากคุณมีโปรโมเตอร์ 25% พาสซีฟ 55% และผู้ว่า 20% NPS จะเป็น +5

ต้องการตัวช่วยวางแผนการตลาดยุคดิจิทัลหรือ?

หากแบรนด์ของคุณต้องการความช่วยเหลือ ทีมงานของ Sphere Agency พร้อมช่วยคุณวางแผน Digital Marketing ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและ KPI ที่วางไว้สำหรับอนาคตข้างหน้า อ่านรายละเอียดบริการ Digital Marketing ของเรา และติดต่อมาเลย!