ทุกวันนี้โลกออนไลน์หมุนเร็วขึ้นทุกวัน ๆ จะรู้ได้อย่างไรว่าช่วงไหนมีอะไรกำลังติดเทรนด์อยู่ ข้อมูลต่าง ๆ บนหน้า Timeline ไหลอย่างรวดเร็ว Content ที่เคยเป็นประเด็นฮอตเมื่ออาทิตย์ก่อนอาจจะหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากธรรมชาติของ Social Media อย่างเช่น Facebook หรือ Twitter ที่ไปเร็วมาเร็ว ความต้องการของผู้บริโภคก็มักแปรผันตามความเร็วของหน้าฟีด ดังนั้น ถ้าหากมีเครื่องมือที่ช่วยในการจับทุกเทรนด์หรือกระแสที่กำลังเป็นที่พูดถึงในพื้นที่นั้น ๆ บนโลกออนไลน์และเข้าถึง Insights ของผู้บริโภคได้ก็จะมีประโยชน์มาก ๆ
ขอแนะนำ Google Trends เครื่องมือคู่ใจสำหรับคนทำ Content Marketing และเอเจนซี ที่ช่วยให้เห็นว่าคนไทยและคนทั่วโลกกำลังค้นหาหรือสนใจอะไรบนโลกอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญคือเครื่องมือนี้ใช้ได้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายใดใดตลอดชีพ วันนี้เราจะมาพาทุกคนไปรู้จักกับเครื่องมือนี้และวิธีใช้เบื้องต้นกัน
Google Trends คืออะไร?
มั่นใจว่าไม่มีใครไม่รู้จักกับ Google หรือสุดยอด Search Engine อันดับ 1 ของโลกที่มียอดการค้นหากว่า 40,000 การค้นหาต่อวินาที ซึ่งรวมเป็นกว่า 3.5 พันล้านการค้นหาต่อวันเลยทีเดียว และด้วยจำนวนการใช้งานที่สูงเท่านี้ Google ก็เก็บข้อมูลต่าง ๆ จากพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลกเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานและป้อนผลการค้นหาที่เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด และถ้าถามว่า Google Trends มีประโยชน์อย่างไร ก็บอกได้เลยว่าเครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ Google ปล่อยออกมาให้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมการค้นหาของคนทั่วโลกได้ และแน่นอนว่ารวมถึงประเทศไทยด้วย
วิธีใช้ Google Trends
วิธีใช้ Google Trends นั้นคล้าย ๆ กับการค้นหาใน Search Engine ทั่วไป เพียงแค่พิมพ์คีย์เวิร์ดที่ต้องการเหมือนที่ทำบนหน้าค้นหาตามปกติ Trends ก็จะแสดงข้อมูลทางสถิติของการค้นหาคำหรือหัวข้อเหล่านั้นออกมาอย่างละเอียด
โดยในผลการค้นหาจะแสดงกราฟความนิยมของคีย์เวิร์ดนั้นในแต่ละช่วง โดยสามารถเลือกภูมิภาคที่ต้องการ ระยะเวลา ประเภทอุตสาหกรรม เป็นเว็บไซต์ วิดีโอ หรือลิงก์ข่าว นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบกับคีย์เวิร์ดอื่น ๆ ได้ด้วย
หากเลื่อนลงมาจะเห็นแผนที่ ซึ่งแสดงความนิยมของคีย์เวิร์ดที่กำหนดในแต่ละจังหวัดหรือรัฐของประเทศที่ค้นหา และยังมีคำแนะนำคีย์เวิร์ดที่ใกล้เคียงไว้ใช้สำหรับการทำ Keyword Research ด้วย Google Keyword Planner อีกด้วย สะดวกจริง ๆ
ทำไมต้องใช้ Google Trends?
ข้อมูลที่แสดงผลใน Trends นั้นเกิดพฤติกรรมของผู้ใช้งานจริงทั่วโลก ไม่ได้เกิดจากผลสำรวจที่อาจมีการชี้นำ ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อใด การค้นหาที่เกิดขึ้นบน Search Engine ก็จะถูกบันทึกไว้อย่างไม่บกพร่อง
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดของพฤติกรรมของคนไทยที่น่าสนใจใน Search Engine คือการค้นหาคำว่า “หวย” ซึ่งอย่างที่รู้ ๆ กันว่าหวยประเทศไทยนั้นออกทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน หากลองค้นหาคำนี้ใน Trends กราฟที่ปรากฏก็จะเห็นเทรนด์พุ่งสูงทุกวันที่ 1 และ 16 ซึ่งตรงกับวันหวยออกพอดี
หรือจะใช้ Trends เพื่อเปรียบเทียบนัยสำคัญและความเกี่ยวข้องของหลายคีย์เวิร์ด เราสามารถให้มันพล็อตกราฟหลายหัวข้อการค้นหาได้ สมมติว่าต้องการดูความเกี่ยวข้องของ “หมูกรอบ” กับ “หม้อทอด” จากกราฟเราก็จะเห็นว่าทั้งสองคำนี้มีเทรนด์ที่จะขึ้นลงไปในแนวเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเหตุหนึ่งจะส่งผลต่อเหตุการณ์หนึ่งเสมอไป ต้องดูดี ๆ ด้วย
เครื่องมือนี้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่จำเป็นต้องพึ่งการจับเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นนักการตลาด เจ้าของร้านค้าออนไลน์ หรือแม้แต่คนที่อยากทำ Blog หรือ Vlog ของตัวเองแต่นึกไอเดียใหม่ ๆ ไม่ออก ก็เอาไว้ใช้หาคำที่คนไทยค้นหามากที่สุดในแต่ละวันหรือแต่ละช่วง สามารถใช้ดูเทรนด์ความสนใจมาทำ Realtime Content ก็ได้
สาย Content Creator ย่อมรู้กันดีว่า Keyword ที่คนค้นหาคือสิ่งสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเราได้ดีที่สุด โดยเฉพาะเหล่านักเขียน Blog ที่ต้อง การดัน SEO ให้เว็บไซต์ Google Trends จะเป็นเครื่องมือที่ดีที่ช่วยคุณค้นหา Keywords ยอดฮิต
เจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาสิ่งใหม่ ๆ หรือเหล่า Marketer ก็จะได้ตัวช่วยวางแผนธุรกิจ เพื่อพัฒนาแผนธุรกิจในแต่ละช่วง Google Trends จะสามารถเข้าช่วยคุณวิเคราะห์ทิศทาง ตลาดบนโลกออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของผลการค้นหาใน Trends ซึ่งข้อมูลนี้สามารถนำไปใช้ต่อยอดได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์ทางโซเชียลมีเดีย หรือเพื่อการทำ Keyword Research ไปเขียนคอนเทนต์สำหรับ Search Engine Optimization ก็มีประโยชน์ในขั้นต้นอย่างมาก เพราะว่าทาง Trends จะปรากฎหัวข้อเล็ก ๆ สองหัวข้อคือ ‘หัวข้อที่เกี่ยวข้อง' และ ‘คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง' เพื่อวิเคราะห์ความสนใจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Topic เดิมของเรา เพื่อนำไปใช้เป็น Primary, Secondary, หรือ Related Keywords เพื่อให้เว็บทำ SEO ได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งมี Data มาอ้างอิง ก็จะทำให้ข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือมากขึ้น
Year in Search เทรนด์ย้อนหลังถึง 10 ปี
ผู้ใช้สามารถเลือกดูเทรนด์ย้อนหลังของแต่ละปีได้ โดยมีข้อมูลย้อนกลับไปมากกว่า 10 ปี ปัจจุบันมีข้อมูลถึงปี 2022 ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะดูข้อมูลของประเทศไหน
Year In Search ปี 2022 ของประเทศไทยที่ผ่านมานี้มีคำที่น่าสนใจมากมายเลยทีเดียว เรามาลองวิเคราะห์ผลการค้นหาอันดับต้น ๆ ของคนไทยในปีที่ผ่านมากับ Google Trends Thailand กันดีกว่า
คำค้นหาอันดัน 1: บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้นเป็นนโยบายจากรัฐบาลที่มอบให้สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี (เข้าข่ายกลุ่มคนจน) โดยผู้ถือบัตรจะได้รับสิทธิประโยชน์หลายอย่างด้วยกัน เช่น สวัสดิการสำหรับซื้อเครื่องใช้ หรือสวัสดิการสำหรับค่าเดินทาง เป็นต้น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในช่วงสถานการณ์ที่หลาย ๆ คนกำลังเจอวิกฤติเศรษฐกิจอยู่
คำค้นหาอันดับ 2: แตงโม นิดา
คำค้นหานี้มาจากโศกนาฏกรรมอุบัติเหตุพลักตกเรือสปีดโบ๊ตกลางแม่น้ำเจ้าพระยาของนักแสดงสาวชื่อดังในประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565
คำค้นหาอันดับ 3: คนละครึ่ง เฟส 5
โครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย หรือผู้ค้าขายหาบเร่แผงลอย โดยผู้ลงทะเบียนโครงการนี้จะได้รับเงินผ่านแอปพลิเคชันที่ชื่อ “เป๋าตัง” เป็นจำนวน 3,000 บาทตลอดโครงการ และสแกนจ่ายผ่าน QR Code ได้สูงสุดวันละ 150 บาท โดยการชำระเงินทุกครั้ง รัฐจะออกเงินให้ครึ่งหนึ่ง
Hot Trends โชว์คีย์เวิร์ดยอดนิยมแบบ Real-time
อีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจของ Trends คือหน้า Hot Trend ไว้ใช้สำหรับดูผลการค้นหายอดฮิตแบบ Real-time ณ วินาทีนั้น ซึ่งเราสามารถดูผ่านหน้าเว็บ หรือโหลดมาตั้งเป็น Screensaver ได้ด้วย
ใครที่เคยเห็นสำนักงานของ Google ก็จะเห็นว่าพวกเขาจะเปิดหน้านี้ไว้บนจอบนกำแพงใหญ่ ๆ เลย ซึ่งไอเดียนี้เป็นไอเดียที่ดีมาก ทำให้เราสามารถมอนิเตอร์โลกอินเทอร์เน็ตได้ด้วยหน้าเว็บเว็บเดียว สำหรับ Google Trends นั้นก็เหมาะสำหรับคนทำคอนเทนต์ คอยมอนิเตอร์ดูว่าตอนนี้คนกำลังให้ความสนใจกับเรื่องอะไร แล้วปั่นคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องเพื่อแย่งยิงพื้นที่บนโลกอินเทอร์เน็ต ส่วนแบรนด์และเอเจนซีก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจต่าง ๆ ได้ หรือที่เรียกกันว่า Data Driven Decision
คำถามที่พบบ่อย
Search Interest คืออะไร?
คือสัดส่วนของยอดการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นต่อยอดการค้นหาทั้งหมดในระบบของ Google Search ณ สถานที่และเวลาหนึ่ง
Search Volume Index คืออะไร?
กราฟที่แสดงผลเมื่อค้นหาคีย์เวิร์ดหรือหัวข้อหนึ่งที่แสดงสัดส่วนความสนใจจาก 0-100 ไม่ใช่ยอดการค้นหาของผู้ใช้ในเวลานั้น
ดูความนิยมของคีย์เวิร์ดอย่างไร?
ในกราฟความนิยม ค่า 100 คือค่าสูงสุด 0 คือค่าต่ำสุด สมมติว่ากราฟแสดงความนิยมอยู่ที่ 50 แสดงว่าสัดส่วนการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นเทียบกับการค้นหาทั้งหมด ณ สถานที่และเวลานั้นมีสัดส่วนเท่ากับ 50
จะใช้เครื่องมือนี้ในการวัดผลทางการตลาดอย่างไร?
Trends สามารถช่วยในการค้นหาว่าผู้บริโภคให้ความสนใจและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์คุณมากแค่ไหนในระยะเวลาที่กำหนด
มีโควต้าในการค้นหาจำกัดที่เท่าไร?
Google ได้กำหนดจำนวนที่ผู้ใช้สามารถค้นหาได้เป็นจำนวนหนึ่งต่อผู้ใช้/IP/เครื่องมือ แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดอย่างเป็นทางการในหัวข้อนี้
Google Trends อัปเดตบ่อยแค่ไหน?
Trends อัปเดตข้อมูลเป็นรายวัน ส่วน Hot Trends Topics อัปเดตเป็นรายชั่วโมง
ต้องการตัวช่วยผลิตคอนเทนต์หรือเปล่า?
หากแบรนด์ของคุณต้องการความช่วยเหลือในการเริ่มทำ Content Marketing ทีมงานมืออาชีพที่ Sphere พร้อมช่วยผลิตคอนเทนต์คุณภาพที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์บน Social Media และเสริมกลยุทธ์ SEO ของเว็บไซต์ อ่านรายละเอียดบริการ Content Marketing ของเรา และ ติดต่อมาได้เลย