หากคุณกำลังมองหาโซลูชันในการสร้างร้านค้าออนไลน์ Shopify อาจเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ยิ่งหากคุณเป็นองค์กรขนาดใหญ่ Shopify Plus จะช่วยให้คุณได้มากกว่า มันทำงานได้ดีมากด้วยคุณสมบัติสำหรับร้านค้าที่มีปริมาณการซื้อขายมาก ถึงเวลายุติความเข้าใจผิดที่ว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมนี้มีไว้สำหรับธุรกิจขนาดเล็กเท่านั้น
เราจะมาสำรวจว่าแพลตฟอร์มนี้มอบความสามารถในการขายระดับองค์กรอย่างไร้กังวลในบทความ Shopify Plus Review นี้
Shopify Plus คืออะไร?
Shopify Plus คือเวอร์ชันปรับปรุงของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับองค์กรที่มีปริมาณการซื้อขายสูง โดยเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบ Fully Hosted SaaS
เนื่องจากโซลูชันนี้ผ่านการตรวจสอบและอัปเกรดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพและความทนทานสูงสุด ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องเปิดเซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเองหรือค้นหาบริษัทโฮสติ้งภายนอก ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากกว่า Self-hosted Platforms เช่น WordPress WooCommerce, Magento Enterprise หรือ SAP Hybrid
ข้อได้เปรียบหลักเหนือ Shopify แบบปกติคือมันช่วยให้คุณควบคุม ปรับแต่ง และวางระบบอัตโนมัติได้มากขึ้น เช่นเดียวกับความเร็วที่เร็วขึ้น การทำ Search Engine Optimization ที่ดีขึ้น และบริกา Omnichannel ที่ดีขึ้น
แม้ว่าจะฟังดูดี แต่แพลตฟอร์มนี้ก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงด้วยรายเดือนขั้นต่ำประมาณ 2,000 ดอลลาร์ และแน่นอนว่า Shopify และ Shopify Plus ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะเริ่มขายของออนไลน์ ดูบทความ WooCommerce ของเราสำหรับทางเลือกเพิ่มเติม
ฟีเจอร์หลักของ Shopify Plus
1. ความสามารถด้าน Scalability และการรองรับยอดใช้งานสูง
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ค้าอีคอมเมิร์ซ หากเว็บไซต์ล่มและลูกค้าทำการซื้อไม่ได้ การตลาด โฟลว์อีเมล และกลยุทธ์การสร้าง Conversion ทั้งหมดก็ล้วนเปล่าประโยชน์ ดังนั้นทุกวินาทีของที่เว็บไซต์ล่มคือเงินจำนวนมหาศาลที่เสียไป
ผู้ค้าปลีกที่มีอุปสงค์สูงจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มที่จะไม่ล่มเวลาจัดแฟลชเซล หรือโปรโมชันเทศกาลเพื่อดึงยอด Traffic ให้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และ Shopify Plus ก็พร้อมที่จะตอบรับความต้องการส่วนนั้น
แพลตฟอร์มนี้สามารถรองรับธุรกรรมได้หลายหมื่นรายการต่อนาที ดังนั้นคุณจึงมั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณจะให้บริการได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ไม่จำกัดจำนวนผลิตภัณฑ์หรือแบนด์วิดท์ คุณสามารถขยายธุรกิจของคุณบน Shopify Plus ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเว็บไซต์จะรับมือได้หรือไม่
2. พร้อมขยายตลาดต่างประเทศ
การก้าวไปสู่ระดับโลกต้องใช้มากกว่าแค่การดึง Traffic จากหลาย ๆ ประเทศไปยังเว็บไซต์เดียว การมีหน้าร้านสำหรับแต่ละประเทศประเทศ พร้อมภาษา สกุลเงิน และตัวเลือกการชำระเงินที่เหมาะสมสำหรับแต่ละภูมิภาคจะช่วยปูทางไปสู่ความสำเร็จในระดับสากล
ปัจจุบัน Shopify Plus ให้ผู้ใช้สามารถเปิดร้านค้าที่เหมือนกันได้ถึง 9 เว็บไซต์สำหรับภาษาต่าง ๆ เพิ่มเติมจากหน้าร้านดั้งเดิมของคุณ รวมเป็นทั้งหมด 10 หน้าร้านสำหรับบัญชี Shopify Plus หนึ่งบัญชี หน้าร้านแต่ละแห่งมีแบ็กเอนด์ของตัวเองต่างหาก ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถจัดการเนื้อหา สินค้าคงคลัง และคำสั่งซื้อแยกกันได้
หากคุณต้องการนำงานแบ็คเอนด์ทั้งหมดมาไว้ในที่เดียว ระบบการจัดการ Shopify Plus ที่มีคุณภาพเป็นวิธีที่น่าจะตอบโจทย์ที่สุดแล้ว
3. ปรับแต่งหน้าร้านได้หลากหลาย
แพลตฟอร์ม Shopify แบบพื้นฐานมักถูกวิจารณ์เรื่องการปรับแต่งร้านค้าที่ทำได้อย่างจำกัดจำเขี่ย โดยมีพื้นที่เพียงเล็กน้อยสำหรับการเปลี่ยนแปลงนอกเหนือไปจากธีมที่คุณเลือกใช้ในตอนแรก แต่ Shopify Plus ไม่เป็นเช่นนั้น
ผู้ค้าแต่ละรายมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้น Shopify Plus จึงเปิดโอกาสให้แต่ละร้านค้าสามารถควบคุมการปรับแต่งเองได้อย่างสมบูรณ์ ทีมนักพัฒนาสามารถเข้าถึงการควบคุมเว็บไซต์ทั้งหมดผ่านไฟล์ CSS และสคริปต์ที่แก้ไขได้ คุณสามารถควบคุมการจัดวาง เนื้อหา และแบรนด์ดิ้งได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถค้นหาแอปหลายพันรายการเพื่อปรับปรุงความสามารถของร้านค้าได้เพิ่มเติมผ่าน Shopify App Store
แพลตฟอร์ม Shopify Plus มีกลุ่มนักออกแบบ นักพัฒนา และพันธมิตรผู้สามารถสร้างประสบการณ์ที่กำหนดเองได้ ไม่ว่าธุรกิจจะต้องการการออกแบบที่ได้รับรางวัล ฟีเจอร์แบบกำหนดเอง หรือแผนโซเชียลมีเดียที่กว้างขวาง Shopify Plus จะมอบบริการทุกระดับให้กับผู้ค้าระดับองค์กรอย่างน่าพึงพอใจ
4. การวางเวิร์กโฟลว์และแคมเปญอัตโนมัติ
ผู้ค้าอีคอมเมิร์ซมีงานมากมายที่ต้องทำในทุก ๆ วัน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Shopify Plus น่าประทับใจคือเวลาว่างเพิ่มเติมที่มันมอบให้ผู้ใช้ ด้วยคุณสมบัติการทำงานอัตโนมัติ สิ่งเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การตัดชั่วโมงงานที่แสนจะยุ่งจากแผนงานซ้ำซากในแต่ละวัน เพื่อให้คุณสามารถมุ่งความสนใจไปที่งานอื่น ๆ ที่สำคัญกว่าได้
ส่วนระบบอัตโนมัติมีเครื่องมือสำหรับการปรับปรุงเวิร์กโฟลว์การบริการลูกค้า ด้วยเครื่องมืออัตโนมัติเหล่านี้ คุณสามารถจัดการสต๊อกสินค้า คำสั่งซื้อ และการวางผลิตภัณฑ์ได้ แถมยังมีระบบช่วยแบ่งกลุ่มลูกค้าอัตโนมัติอีกด้วย
คุณสามารถตั้งค่าพารามิเตอร์ที่จับว่าเมื่อมีลูกค้าใช้จ่ายมากกว่า $100 ในหนึ่งเดือนจะถูกระบุว่าเป็นลูกค้า VIP โดยอัตโนมัติ สามารถทำได้เช่นเดียวกันสำหรับการเรียงลำดับสินค้าคงคลังต่ำหรือการประเมินระดับความเสี่ยงสำหรับธุรกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกงได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถวางแคมเปญการตลาดบนระบบอัตโนมัติได้ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือ Launchpad ของ Shopify Plus ทำให้สามารถจัดกำหนดการงานสำคัญ ๆ มากมายเกี่ยวกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และโปรโมชันแฟลชเซล
5. การจัดการ Omnichannel ขั้นสูง
Shopify Plus ช่วยให้คุณพร้อมสำหรับ Social Commerce อันราบรื่นในช่องทางโซเชียลมีเดียยอดนิยม ช่วยให้ผู้ค้าระดับองค์กรขายได้อย่างรวดเร็วผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram และ Pinterest เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จะเข้าถึงได้กลุ่มลูกค้าได้มากที่สุด
นอกจากนี้ ผู้ใช้จำนวนมากยังใช้ระบบ Shopify POS เพื่อโต้ตอบกับลูกค้าและดำเนินการขายผ่านร้านค้าป๊อปอัปได้ด้วยตนเอง
Shopify Plus ให้บริการเกตเวย์การชำระเงินมากกว่า 70 เจ้า ซึ่งรวมไปถึง PayPal และ Bitcoin ทำให้ร้านค้าสามารถขายได้ในหลายภูมิภาคและภาษา เพราะความสามารถในการพบปะลูกค้าทุกที่ทุกเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายฐานผู้ซื้อให้ไร้พรมแดน
ทั้งหมดนี้เชื่อมต่อผ่านทั้ง Backend และ Frontend ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มไอทีที่มีอยู่เพื่อสร้างโซลูชันที่ผสานรวมได้อย่างราบรื่นโดยใช้ Shopify Plus API ซึ่งรวมถึงระบบ ERP, CRM และระบบบัญชี รวมถึงซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่คุณใช้อยู่
ค่าใช้จ่าย Shopify Plus Pricing
ราคาของ Shopify Plus อาจสร้างความสับสนเนื่องจากไม่มีราคาแสดงอยู่ในหน้าเว็บไซต์ ทางแพลตฟอร์มบังคับให้คุณติดต่อพวกเขาโดยตรงเพื่อขอใบเสนอราคา เนื่องการกำหนดราคาสำหรับ Shopify Plus ขึ้นอยู่กับการใช้งานและยอดขายเป็นหลัก ทำให้ราคาของแต่ละแบรนด์อาจแตกต่างกันมาก หรืออาจเปลี่ยนไปแบบเดือนต่อเดือน
นี่คือการประมาณราคาคร่าว ๆ ของ Shopify Plus:
- ต้นทุนการสร้าง ผู้ค้าองค์กรส่วนใหญ่ต้องการสิ่งที่ไม่เหมือนใครเพื่อให้สอดคล้องกับแบรนด์ของตน และการใช้เทมเพลตสำเร็จรูปไม่ตอบโจทย์แน่นอน ค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างดีไซน์เนอร์ภายนอกมีราคาอยู่ระหว่าง 30,000 ถึง 250,000 เหรียญสหรัฐหรืออาจมากกว่านั้น
- ค่าลิขสิทธิ์อยู่ระหว่าง 2,000 ถึง 40,000 ดอลลาร์ต่อเดือน หลังจากทำยอดขายได้ถึง 800,000 ดอลลาร์ต่อเดือน มูลค่าสูงสุดจะเพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้านดอลลาร์
- ต้นทุนการทำธุรกรรม ค่าธรรมเนียมการดำเนินการชำระเงินเพิ่มในอัตรา 1.6% สำหรับแต่ละธุรกรรม หากใช้เกตเวย์ของ Third-party จะมีค่าธรรมเนียม 0.15% ด้วย
ทั้งหมดนี้อาจดูเหมือนแพง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับโซลูชันอื่น การกำหนดราคา Shopify Plus ค่อนข้างคุ้มค่าเมื่อพิจารณาว่าแพลตฟอร์มสามารถทำอะไรให้ธุรกิจของคุณได้บ้าง
สรุปข้อดีข้อเสีย
ข้อดีของ Shopify Plus
- ระบบ Shopify Plus ช่วยจัดระเบียบทุกอย่างให้คุณ
- Shopify Plus ช่วยคุณประหยัดเวลาได้มาก
- ราคาคุ้มค่ากับสิ่งที่คุณได้รับ
- Shopify Plus มีการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม
- Shopify Plus สามารถเติบโตและเสถียรอย่างเหลือเชื่อ
- Shopify Plus สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ
- การสนับสนุนด้านการตลาดเป็นเลิศ
- Shopify ให้คุณดูและปรับการชำระเงินบนหน้าจอเดียวกันได้
- Shopify Plus นั้นเป็นมิตรกับผู้ใช้มาก
ข้อเสียของ Shopify Plus
- การจัดการเนื้อหามีข้อจำกัด แม้ว่าจะมีเครื่องมือสร้างบล็อกในตัวก็ตาม
- ภาษา Liquid ของ Shopify ต้องเรียนรู้ใหม่อยู่บ้าง แต่จริง ๆ ก็ไม่ยากเกินเรียน
- ราคาไม่โปร่งใส พวกเขาบังคับให้คุณติดต่อโดยตรงเพื่อขอใบเสนอราคาส่วนบุคคล
จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่จะพร้อมสำหรับ Shopify Plus?
ฟีเจอร์ของ Shopify Plus สามารถมอบโอกาสอันน่าตื่นเต้นให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโต ไม่ว่าจะเพิ่งเปิดร้านค้าใหม่ หรือเชื่อมต่อกับคลังสินค้าและแอพในต่างประเทศเป็นล้วนเรื่องง่าย แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เป็นข้อผูกมัดราคาแพง ฉะนั้นเว้นแต่คุณจะเปิดร้านค้าจำนวนมากหรือทำยอดขายเป็นเงินมหาศาล Shopify Plus ก็อาจไม่เหมาะกับแบรนด์ของคุณ
สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือต้นทุน วางงบประมาณให้เหมาะสมเพื่อไม่ทำให้ธุรกิจของคุณพังครืนลงมา เราแนะนำว่าหากคุณมีรายได้ต่อเดือนถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐและการขยายตลาดทั่วโลกเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์การเติบโตขององค์กรคุณ Shopify Plus กำลังรอคุณอยู่
คำถามที่พบบ่อย
ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเป็นเท่าไหร่?
Shopify Plus เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 0.15% ต่อธุรกรรมเพื่อให้ครอบคลุมข้อกำหนดด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมในกรณีที่ใช้เกตเวย์การชำระเงินของบุคคลที่สาม ค่าธรรมเนียมนี้ช่วยรักษาการปฏิบัติตาม PCI และความสมบูรณ์ของข้อมูลลูกค้าและแบรนด์ผู้ใช้
หากคุณใช้ Shopify Payments ค่าธรรมเนียมนี้จะถูกยกเว้น แถมยังสามารถใช้ประโยชน์จากอัตรา Conversion ที่สูงขึ้นได้ถึง 18% เมื่อคุณเปิดใช้งาน Shop Pay
มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง?
ไม่มี แต่คุณควรพิจารณาค่าใช้จ่ายของ Shopify Plus partner ในงบประมาณหากต้องการการพัฒนาแบบกำหนดเอง ส่วนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่น ๆ ก็มีอีกเล็กน้อยได้แก่ การซื้อธีม ค่าแอปของบุคคลที่สาม และระบบเรียกเก็บภาษีอัตโนมัติ เป็นต้น
สามารถมีร้านค้าออนไลน์ได้กี่ร้าน?
เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก คุณสามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ได้ไม่จำกัดเพื่อขายในสกุลเงินและภาษาที่แตกต่างกันไป แพลตฟอร์มรายเดือนของคุณครอบคลุมร้านค้าหลักและร้านค้าเสริมอีก 9 ร้านไว้แล้ว หากจ้องการเปิดร้านเพิ่มนอกเหนือจากนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ค่าธรรมเนียมผันแปรทำงานอย่างไร?
แผนมาตรฐานเริ่มต้นที่ $2,000 ต่อเดือน ตัวเลือกค่าธรรมเนียมผันแปรยังมีให้สำหรับโครงสร้างธุรกิจที่มียอดการซื้อขายปริมาณมากหรือซับซ้อนมากขึ้น
ทำไมจึงแพงขนาดนี้?
ราคาของ Shopify Plus ขึ้นอยู่กับการใช้งานและปริมาณการซื้อขาย ซึ่งเราคิดว่าราคานี้ค่อนข้างสมเหตุสมผลเพราะเมื่อร้านค้าของคุณมีการใช้งานมากขึ้น ทรัพยากรและแบนด์วิดท์ที่ใช้ก็จะมากขึ้นตามกันไป ค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์รายเดือนขั้นต่ำคือ $2,000 และสูงสุดคือ $40,000
Advanced Shopify เหมือนกับ Shopify Plus หรือไม่
ทั้ง Shopify Plus และ Shopify Advanced เป็นแพลตฟอร์มสำหรับร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโต Shopify Plus เป็นแพลตฟอร์มโฮสต์ในตัวที่ออกแบบมาสำหรับแบรนด์ใหญ่ เหมาะสำหรับการใช้งานระดับองค์กร ในขณะที่ Shopify Advanced ออกแบบมาสำหรับร้านค้าขนาดเล็กและมีความซับซ้อนน้อยกว่า
ต้องการสร้างเว็บไซต์ Shopify Plus ขององค์กรคุณหรือเปล่า?
หากองค์กรของคุณต้องการมืออาชีพมาช่วยกระตุ้นยอดขายด้วยการสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซบน Shopify Plus ทีมงาน Sphere Agency พร้อมช่วยคุณออกแบบและพัฒนาร้านค้าออนไลน์แบบครบวงจรที่รวบรวมข้อมูลลูกค้า ความสามารถทางการตลาด และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกให้กับธุรกิจคุณ ดูรายละเอียดบริการ Shopify Development Service ของเราและติดต่อเราเลย!